Wikipedia

ผลการค้นหา

คำนำ

สวัสดีครับ ขอต้อนรับนักอ่าน ท่านที่ชอบพืชพันธ์ไม้และท่านที่รักสุขภาพน๊ะครับ เว็บนี้ทำขึ้นเพื่อบอกเล่าเรื่องราวการทำสวนในยุคที่ social network กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงยิ่ง และเป็นยุคที่คนเริ่มใส่ใจในสุขภาพมากขึ้น แต่การเลือกซื้อเลือกหาวัตถุดิบในการประกอบอาหารที่สะอาดปลอดภัยนั้นยากเหลือเกิน ดังนั้นช่วงนี้จึงเป็นกระแสมาแรงมาก สำหรับ พืช ผัก ผลไม้ หรือที่เรียกว่า อาหารแบบ organic ไม่ว่าจะเป็น ข้าว ผัก ผลไม้ เครื่องปรุง รวมไปถึงการเลี้ยงสัตว์ แบบอินทรีย์ ซึ่งในเว็บนี้ผมจะนำเสนอบทความในการทำสวนแบบอินทร์(organic100%)ที่ได้ลงมือทำเองในแบบฉบับ มือใหม่ โดยจะเขียนเล่าเรื่องราว วิธีขั้นตอน สาระน่ารู้ ประสบการณ์และแง่คิดต่างๆ ผสมลงไปในแบบสมุดบันทึก(diary) ซึ่งจะเป็นการทำเว็บที่จะแตกต่างจากที่ท่านเคยอ่านมาแน่นอน เนื่องจากเป็นการเอาความฝันของผมมาผสานกันในที่เดียว คือ ความฝันที่อยาก เป็นนักเขียน ชาวสวน และงานด้าน IT จะเรียกได้ว่าเว็บนี้ทำออกมาเป็นหนังสือเลยก็ว่าได้ เหมาะสำหรับนักอ่านเป็นอย่างยิ่งครับ ผมสัญญาว่าจะทำให้ท่านได้รับ สาระประโยชน์ ความเพลิดเพลินและความสุขจากการอ่านทุกบทความของผม ซึ่งจะช่วยให้ท่านมีกำลังใจในการใช้ชีวิตและมีความสุขในทุกๆวันของท่านอย่างแน่นอนครับ และขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้เกียรติสละเวลามาอ่านบทความของคนบ้านนอกธรรมดาๆคนนี้คับ

Translate

วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ปลูกถั่วพู

สวัสดีครับ บทความนี้จะว่าด้วยเรื่องการปลูกถั่วพูน๊ะครับ เอาแบบบ้านๆก่อนเนาะ เขาบอกว่าถั่วพูเป็นพืชทนแล้ง ให้ผลผลิตตลอด อ่านจากหลายๆเว็บน๊ะคับ เอ้า มาเริ่มปลูกกันเลยครับ โดยการปลูกแบบเป็นอุโมงเชือกน๊ะครับ สวยและประหยัดดี

แบบนี้ครับ ค้างถั่วพู ของผม คือเอาเชือกรัดฝางข้าว มาสานต่อกันน๊ะครับ สูตรนี้ ต้นทุน 0 บาท



การหลุมครับ เอาใหญ่ๆ และลึกนิดนึงครับ จัดปุ๋ยเต็มที่ตามสูตร เขาบอกให้ห่างๆกันหน่อย เดี๋ยวโตมามันจะแน่นเกิน

มาดูผลงานหลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนครับ





การเพาะเมล็ดถั่วพู ต้องแช่น้ำไว้สักคืนก่อนน๊ะครับ จากนั้นนำมาบ่มไว้กับผ้าเปียกอีก สามวัน เอาไว้ในห้องน้ำก้ได้ครับ ไม่ร้อน และ เปียกตลอดด้วย จากนั้นเอามาเพาะในถุงชำ ประมาณอาทิตย์นึง ก้ได้ประมาณรูปด้านบนแล้วครับ แล้วเอามาปลูกได้เลย

ผ่านไปอีกประมาณสองเดือน จะเริ่มออกดอกครับ


 จากนั้นไม่นานเราก้จะได้กิน ถั่วพูสดๆ แสนอร่อย และปลอดภัยครับ




ข้อแนะนำหลังจากที่ปลูกมาน๊ะครับ ถั่วพู ทนแล้งจริง แต่ก้ต้องการน้ำมากพอสมควร จากที่ผมปลูก พื้นที่แห้งแล้งมาก ดูจากรูปด้านบนสุดครับ เป็นดินเหนียว และเจออากาศเมืองไทยเข้าไป ลืมรดน้ำสองวันนี่ถึงกับจะตายกันเลยทีเดียว ต้องรดน้ำให้น้ำขังในหลุมเลยครับ รดทุกวัน ถั่วพูถึงจะอยู่รอดปลอดภัย ได้ทั้งปี (สำหรับพื้นที่แห้งแล้งมากๆน๊ะครับ) แต่ตามธรรมชาติแล้ว หน้าแล้ง ต้นจะตายครับ จะเหลือ เหง้าอยู่ในดิน รอ หน้าฝนถึงจะงอกมาใหม่ และถั่วพู เป็นพืชที่ชอบแดดเอามากๆ มีอยู่สองต้น จะอยู่ใกล้ยุ้งข้าว ตอนบ่ายๆจะโดนเงายุ้งบังนิดหน่อย แค่นิดเดียวครับ ต้นถั่วพู ไม่โตเลย แต่แปลกอยู่อย่างนึงเป็นปัญหาใหญ่เลย คือ ถั่วพูจะออกดอกออกผล ต้องเป็นช่วงที่ กลางวันสั้น กว่ากลางคืน บ้านเราจะมีก้แต่ หน้าหนาวเท่านั้นครับ ดังนั้นจะได้กินถั่วพู ก้หน้าหนาวเท่านั้น ชอบแดด ไม่ไม่ชอบ แดดนาน เห้อออเอาใจลำบากครับ เหมือนกินก๊วยเตี๋ยว ไม่ใส่เส้นเลย 555 เกี่ยวไหมเนี่ยะ

จบแล้วครับสำหรับการปลูกถั่วพูของผม ขอบคุณที่อ่านครับ

ราคา กล้องวงจรปิด

วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

มาตรฐาน หรือ ตรารับรอง เกษตรอินทรีย์ Organic Certification

สวัสดีครับ วันนี้จะมาพูดถึงเรื่องราวของ ตราสัญลักษณ์ น๊ะครับ ก่อนอื่นเลยผมขอให้ท่านผู้อ่าน นึกถึงเรื่องราวของคำว่า"ตรา"ก่อน การใช้ ตรา คือการบ่งบอกลักษณะต่างๆของสิ่งนั้นๆในการจัดหมวดหมู่ของมัน เช่นเดียวกันครับ สำหรับเกษตรอินทรีย์เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าผู้ผลิตที่อ้างว่าเป็นเกษตรอินทรีย์นั้นจริงหรือไม่มากน้อยเพียงใด ด้วยเหตุนี้จึงมีการกำหนด ตราสัญลักษณ์ หรือ ที่เรียกว่า มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ขึ้น ซึ่งในบทความนี้ผมจะพูดถึง มาตรฐานต่างๆ ที่เราควรรู้ไว้เพื่อการตัดสินใจในการเลือกบริโภคน๊ะครับ

สำหรับเรื่องมาตรฐานนั้น แต่ละประเทศหรือภูมิภาคตีความหมายไม่เหมือนกันครับ และบังคับใช้ไม่เหมือนกันด้วย ซึ่งการที่ผู้ผลิตแต่ละรายจะเลือกขอใช้ตรานั้นไม่ได้เป็นตัววัดคุณภาพของผลิตผลแต่อย่างใดเพียงแต่ผู้ผลิตนั้นต้องการตลาดแบบใดมากกว่า อาทิเช่นต้องการตลาดเล็กๆในตัวชุมชน ไม่จำเป็นต้องใช้ตราหรือต้องให้หน่วยงานรับรองมารับรองแต่อย่างใด เป็นเพียงสัญญาใจและการใช้ความน่าเชื่อถือก็เพียงพอ แต่ถ้าต้องการจำหน่ายผลิตผลในระดับประเทศ การเลือกใช้ตรารับรองของ กระทรวงการเกษตรหรือ มูลนิธิ มกท.นั้น สามารถช่วยในเรื่องความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี แต่ไม่ถึงกับต้องขอใช้ตราของ ต่างประเทศ เพราะจะทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเสียมากกว่า สำหรับมาตรฐาน หรือ ตรารับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ในระดับสากลนั้นมีดังนี้ครับ









ตรารับรองมาตรฐานหน่วยงานรับรอง

http://www.actorganic-cert.or.th
 
มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ที่ตั้งอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากลของสมาพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ (IFOAM)สำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ (มกท.) เป็นหน่วยงานของมูลนิธิมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นองค์กรของภาคเอกชนไทย
มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ที่จัดทำขึ้นโดยระบบเกษตรอินทรีย์แคนาดา Canadian Food Inspection Agency (CFIA)





มีหน่วยงานหลายแห่งที่สามารถให้บริการตรวจสอบรับรองตามมาตรฐานนี้ได้ ส่วนใหญ่เป็นหน่วยตรวจรับรองต่างประเทศ ในประเทศไทย มีเพียง มกท. แห่งเดียว ที่สามารถให้บริการตรวจรับรองตามมาตรฐานนี้ได้
มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ที่จัดทำขึ้นโดยหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สถาบันพืชอินทรีย์ (กรมวิชาการเกษตร) ศูนย์ตรวจรับรองมาตรฐานฟาร์มและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำอินทรีย์ (กรมประมง) และกรมปศุสัตว์
มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ที่จัดทำโดยแผนงานเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ (National Organic Program - NOP) กระทรวงเกษตรสหรัฐมีหน่วยงานหลายแห่งที่สามารถให้บริการตรวจสอบรับรองตามมาตรฐานนี้ได้ ส่วนใหญ่เป็นหน่วยตรวจรับรองต่างประเทศ  ในประเทศไทย มีเพียง มกท. แห่งเดียว ที่สามารถให้บริการตรวจรับรองตามมาตรฐานนี้ได้
 
มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของสหภาพยุโรปสหภาพยุโรป(EU Standing Committee on Organic Farming - SCOF)
 
มีหน่วยงานหลายแห่งที่สามารถให้บริการตรวจสอบรับรองตามมาตรฐานนี้ได้ ส่วนใหญ่เป็นหน่วยตรวจรับรองต่างประเทศ  ในประเทศไทย มีเพียง มกท. แห่งเดียว ที่สามารถให้บริการตรวจรับรองตามมาตรฐานนี้ได้
มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของหน่วยตรวจสอบรับรองเอกชน Bio AgriCertBio AgriCert เป็นหน่วยงานรับรองเอกชนของประเทศอิตาลี ซึ่งผู้ผลิตจะต้องได้รับการตรวจรับรองจากหน่วยงานนี้เท่านั้นจึงจะใช้ตรารับรองมาตรฐานี้ได้สำหรับในประเทศไทยมี สาขาในประเทศไทย ที่ให้บริการรับรอง
มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของหน่วยตรวจสอบรับรองเอกชน Eco Certเป็นหน่วยงานรับรองเอกชนของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งผู้ผลิตจะต้องได้รับการตรวจรับรองจากหน่วยงานนี้เท่านั้นจึงจะใช้ตรารับรองมาตรฐานี้ได้
มาตรฐานเกษตรดีที่เหมาะสม ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานอาหารปลอดภัย ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หน่วยราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยการกำกับดูแลของสำนักงานมาตรฐานเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.)

จากตารางเป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนของมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากล ซึ่งในประเทศไทยมีมาตรฐานส่วนภูมิภาคที่ยอมรับกันอีกหลายมาตรฐานเช่น องค์กรมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ภาคเหนือ (มอน.) มาตรฐานเกษตรอินทรีย์สุรินทร์ (มก.สร.) เป็นต้น

สำหรับการใช้ตรามาตรฐานของแต่ละหน่วยงานนั้น ผู้ผลิตจะสามารถพิมพ์หรืออ้างอิงลงในผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์ ของตนได้นั้นจำเป็นต้องผ่านการรับรองและมีใบประกาศรับรองมาตรฐานของหน่วยงานดังกล่าวก่อนจึงจะสามารถทำได้ การนำตรามาใช้โดยที่ยังไม่ได้ับการรับรองนั้นถือเป็นเรื่องผิดกฏหมาย ซึ่งผู้บริโภคสามารถร้องเรียนหรือขอตรวจสอบจากหน่วยงานนั้นๆได้

เท่านี้คงจะทราบแล้วน๊ะครับเวลาที่เราต้องการผลิตผลหรือสินค้าที่เป็นเกษตรอินทรีย์เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าผลิตผลหรือสินค้าดังกล่าวเป็นเกษตรอินทรีย์และมีความปลอดภัยมากน้อยเพียงไหนและน่าเชื่อถือเพียงใด สามารถดูได้จาก ตรารับรองข้างต้น จากผลิตภัณฑ์ ได้เลยครับ

ส่วนท่านใดที่เป็นผู้ผลิตและอยากได้ใบรับรองบ้างผมจะมากล่าวถึงในบทความต่อไปครับ


เครดิต/ที่มา http://www.greennet.or.th/article/1094
                  http://www.nawachione.org/
                  http://www.actorganic-cert.or.th/

วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

อินทรีย์ organic คือ อะไร

ก่อนอื่นเรามาศึกษาก่อนเล็กน้อยน๊ะครับว่า อะไรคือเกษตรอินทรีย์หรือ organic100%

สำหรับเกษตรแบบอินทรีย์นั้นทุกวันนี้มีมากมายหลายความหมายมากเนื่องจากการตีความหมายของแต่ละประเทศนั้นไม่เหมือนกันแต่หลักๆแล้วก็คือการปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ที่เลียนแบบธรรมชาติเลียนแบบวิถีของป่า คือการปลูกพืชที่เน้นการบำรุงดูแลรักษาดินและสภาพแวดล้อมให้อุดมสมบูรณ์เพื่อให้พืชและสัตว์เติมโตแข็งแรงและสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ โดยรวมๆจะเป็นดังนี้ครับ

1.การไม่ใช้สารเคมีหรือสารสังเคราห์ทุกชนิด ยกตัวอย่างเช่น ปุ๋ยเคมี ฮอร์โมน ยากระตุ้น ยาปราบศัตรูพืช เป็นต้นเพราะวิถีของเกษตรอินทรีย์คือการให้พืชและสัตว์เติมโตมาแบบให้ธรรมชาติพึ่งพาอาศัยกันซึ่งตามธรรมชาติแล้วทั้งพืชและสัตว์ต่างเติบโตมาด้วยกลวิธีทางธรรมชาติของตนโดยการที่ไม่มีสารเคมีเลย

2.เมล็ดพันธุ์ที่ใช้ต้องมาจากธรรมชาติ กล่าวคือ เมล็ดที่ใช้ในการเพาะปลูกต้องเป็นเมล็ดที่มาจากต้นพันธุ์โดยตรงไม่ผ่านการสังเคราะห์ทางเคมี เคลือบยาหรือสารเคมี หรือการตัดต่อพันธุกรรม ง่านๆคือถ้าเราซื้อเมล็ดสำเร็จมาจากร้านค้านั่นคือใช้ไม่ได้ครับ เพราะเมล็ดดังกล่าวผ่านการสังเคราห์ทางเคมีและชุบด้วยสารเคมีมาแล้วในถุงอย่างนี้ถือว่าไม่เป็นอินทรย์แล้วครับ สัตว์เลี้ยงก็เช่นเดียวกันครับ ต้องมาจากวิธีทางธรรมชาติ

3.ทั้งดินและน้ำต้องเป็นธรรมชาติ กล่าวคือ การใช้ดินที่เคยมาการใช้สารเคมีมาก่อนแล้วแบบนี้ถือว่าไม่ผ่านครับ เพราะมาตรฐานของ มกท ดินที่ใช้เพาะปลูกต้องปราศจากการใช้สารเคมีมีแล้วอย่างน้อย 12 เดือน จะถือว่าผ่านครับ ทั้งน้ำและตลอดระยะเวลาดูแลต้องปราศจากสารเคมีทุกขั้นตอนรวมไปถึงสภาพแวดล้อมรอบข้างครับถึงจะเรียกว่าอินทรีย์

เพื่มเติมน๊ะครับสำหรับการทำได้ทุกอย่างนี้เราเรียกว่า organic100%ครับ แต่ถ้ามีการใช้สารเคมีหรือสารสังเคราห์บ้างเล็กน้อยตามความจำเป็นเรียกว่า organic95% แต่ถ้าต่ำกว่า 70% แบบนี้ไม่ถือว่าเป็นorganicครับ แม้กระทั่งปุ๋ยที่ได้มาจากสัตว์ที่เลี้ยงโดยการใช้สารเคมีในการเลี้ยง แบบนี้จะนำมาใช้กับพืชอินทรีย์ไม่ได้น๊ะครับถือว่าไม่ผ่าน เช่นปุ๋ยขี้ไก่ที่มาจากโรงเลี้ยงแบบกรงเดี่ยว การใช้ของเสียจากคนจะเป็นถ่ายเบาหรือหนักหรือจะเป็นน้ำที่มาจากส้วม แบบนี้ไม่ผ่านเช่นกันครับ ปุ๋ยหมัก ที่ทำจากเศษขยะในเมือง หรือเศษอาหารที่ปนเปื้อนสารเคมี แบบนี้ไม่ผ่านเช่นกันครับ

จะเห็นได้ว่าการปลูกพืชอินทรีย์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ก้ไม่อยากเกินไปครับ เพียงแค่เราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว และเปลี่ยนแปลงวิถีในการใช้ชีวิตให้ห่างไกลสารเคมี หันมาการดูแลเอาใจใส่ต่อดิน น้ำ และสภาพแวดล้อมมากขึ้น แค่นี้การปลูกพืชหรือการเลี้ยงสัตว์แบบเกษตรอินทรีย์ หรือ organic ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปครับ

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

คำนำ

สวัสดีครับ ขอต้อนรับนักอ่าน ท่านที่ชอบพืชพันธ์ไม้และท่านที่รักสุขภาพน๊ะครับ เว็บนี้ทำขึ้นเพื่อบอกเล่าเรื่องราวการทำสวนในยุคที่ social network กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงยิ่ง และเป็นยุคที่คนเริ่มใส่ใจในสุขภาพมากขึ้น แต่การเลือกซื้อเลือกหาวัตถุดิบในการประกอบอาหารที่สะอาดปลอดภัยนั้นยากเหลือเกิน ดังนั้นช่วงนี้จึงเป็นกระแสมาแรงมาก สำหรับ พืช ผัก ผลไม้ หรือที่เรียกว่า อาหารแบบ organic ไม่ว่าจะเป็น ข้าว ผัก ผลไม้ เครื่องปรุง รวมไปถึงการเลี้ยงสัตว์ แบบอินทรีย์ ซึ่งในเว็บนี้ผมจะนำเสนอบทความในการทำสวนแบบอินทร์(organic100%)ที่ได้ลงมือทำเองในแบบฉบับ มือใหม่ โดยจะเขียนเล่าเรื่องราว วิธีขั้นตอน สาระน่ารู้ ประสบการณ์และแง่คิดต่างๆ ผสมลงไปในแบบสมุดบันทึก(diary) ซึ่งจะเป็นการทำเว็บที่จะแตกต่างจากที่ท่านเคยอ่านมาแน่นอน เนื่องจากเป็นการเอาความฝันของผมมาผสานกันในที่เดียว คือ ความฝันที่อยาก เป็นนักเขียน ชาวสวน และงานด้าน IT จะเรียกได้ว่าเว็บนี้ทำออกมาเป็นหนังสือเลยก็ว่าได้ เหมาะสำหรับนักอ่านเป็นอย่างยิ่งครับ ผมสัญญาว่าจะทำให้ท่านได้รับ สาระประโยชน์ ความเพลิดเพลินและความสุขจากการอ่านทุกบทความของผม ซึ่งจะช่วยให้ท่านมีกำลังใจในการใช้ชีวิตและมีความสุขในทุกๆวันของท่านอย่างแน่นอนครับ และขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้เกียรติสละเวลามาอ่านบทความของคนบ้านนอกธรรมดาๆคนนี้คับ