การขอการรับรองมาตรฐานจาก มกท.
สรุปเป็นขั้นตอนสั้นๆได้ดังนี้
1.ยื่นใบสมัครขขอรับรองมาตรฐานโดยผูสมัคร จะต้องกรอกแบบฟอร์มการสมัครและข้อมูลต่างๆตามที่กำหนด
2.มกท แจ้งค่าธรรมเนียมการตรวจ(ภายใน 15 วันหลังวันยื่นใบสมัคร)
ผู้สมัครจ่ายค่าธรรมเนียมให้ มกท.(ภายใน 30 วันหลังจากได้รับแจ้ง)
3.ผู้ตรวจไปตรวจเยี่ยมฟาร์มหรือสถานประกอบการ โดยจะติดต่อนัดหมายล่วงหน้า(ภายใน 30 วันหลังจากรับชำระค่าธรรมเนียม)
เมื่อผู้ตรวจได้ทำการตรวจเยี่ยมฟาร์มหรือสถานประกอบการเสร็จ ผู้ตรวจจะทำสรุปผลการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และแจ้งให้ผู้ประกอบการทราบด้วย(การตรวจใช้เวลา 1-7 วัน)
4.ผู้ตรวจจัดส่งรายการตรวจให้ มกท. และส่งสำเนาให้ผู้ประกอบการ(ภายใน 10 วันหลังการตรวจ)
ผู้ประกอบการอ่านและลงนามรับทราบเพื่อยืนยันข้อมูลในรายงานการตรวจกับสิ่งที่ผู้ตรวจได้พบ(ภายใน 15 วันหลังจากได้รับสำเนา)
5.เจ้าหน้าที่รับรองพิจารณารับรองและแจ้งผลการรับรองให้ผู้สมัครทราบ(ภายใน 15 วันหลังจากได้รับเอกสารลงนามรับรองรายงานตรวจจากผู้ประกอบการ)
6.ผู้ประกอบการที่ไม่ผ่าน ต้องการอุทธรณ์ สามารถแจ้ง มกท. เป็นลายลักษณ์อักษร โดยระบุเหตุผลและข้อมูลประกอบ(ภายใน 30 วันหลังจากที่ได้รับการแจ้งผลการรับรอง
รวมระยะเวลาทั้งหมด ประมาณ 120 วันนับจากวันที่ยื่นใบสมัคร
ตารางการรับรองมาตรฐานที่ มกท. ให้บริการ
เงื่อนไขและรายละเอียดการรับรองมาตรฐาน เกษตรอินทรีย์กับ มกท.
หลักการตรวจสอบและรองรับมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของ มกท.เป็นการตรวจสอบและรองรับระบบการผลิตและการประกอบการ โดยอาจจะเริ่มจากการผลิตการเกษตร(ซึ่งอาจเป็นการเพาะปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงผึ้ง เก็บเกี่ยวผลผลิตจากป่าและธรรมชาติ)จนไปถึงการจัดการผลผลิตและการแปรรูป ซึ่งแบ่งเป็น 2 ขอบเขตใหญ่ๆคือ
1.การตรวจสอบและการรับรองฟาร์ม เป็นการตรวจสอบและรับรองกระบวนการผลิต ซึ่งจะครอบคลุมตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ ปัจจัยการผลิต การดูแลรักษา แนวกันชน จนกระทั่งเก็บเกี่ยวเก็บรักษาผลิตผล และบรรจุขาย
2.การตรวจสอบและรับรองการประกอบการ เป็นการตรวจสอบและรับรองการจัดการผลผลิตและการแปรรูป ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่แหล่งที่มาของวัตถุดิบ การจัดการกับวัตถุดิบ กรรมวิธีการแปรรูป การบรรจุ การขนส่ง และการจัดจำหน่าย
ดังนั้นการตรวจสอบรับรองของ มกท. เป็นการรับรองว่า ผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์นั้นๆมาจากกระบวนการผลิตที่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ที่ผู้ประกอบการขอการรับรอง ไม่ใช่การตรวจสอบและรับรองว่าผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์นั้นปลอดจากสารเคมีตกค้างใดๆ แต่ มกท. อาจใช้วิธีการตรวจวิเคราะห์หาสารเคมีตกค้างในผลิตผลและผลิตภัณฑ์เป็นกรณีพิเศษในกรณีที่มีความสงสัยเรื่องการลักลอบใช้สารเคมีหรือกรณีที่มีความเสี่ยงในการปนเปื้อนจากสภาพแวดล้อม
ข้อกำหนดการตรวจรับรอง ข้อกำหนดพื้นฐานที่ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติคือ
1.เกษตรกรผู้ผลิตจะต้องจัดทำบันทึกอย่างต่อเนื่อง คือ
*บันทึกการซื้อและใช้ปัจจัยการผลิตในฟาร์ม
*บันทึกกิจกรรมฟาร์ม เช่น การให้ปุ๋ย พรวนดิน กำจัดศตรูพืช ให้ น้ำ อาหารสัตว์
*บันทึกการขายผลิตผลอินทรีย์ รวมทั้งการเก็บเอกสารการขายผลผลิต เช่น ใบเสร็จรับเงิน
บันทึกและเอกสารเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารฟาร์มที่ผู้ตรวจจะขอตรวจสอบเมื่อมีการตรวจฟาร์ม
2.ผู้ประกอบการที่จัดการและแปรรูปผลผลิตเกษตรอินทรีย์จะต้องจัดทำเอกสารและจัดเก็บอย่างต่อเนื่อง เช่นใบรับรองวัตถุดิบ เอกสารสั่งซื้อวัตถุดิบ ใบรับวัตถุดิบ สต็อก บันทึกการแปรรูป/บรรจุ เอกสารการขาย/ใบส่งของ บันทึกการทำความสะอาด บันทึกการร้องเรียน และเอกสารอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ให้ผู้ตรวจสามารถตรวจสอบได้ว่ากระบวนการแปรรูปและการจัดการผลิตภัณฑ์อินทรีย์เป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่
3.ยินยอมให้ผู้ตรวจเข้าตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการผลิต และการประกอบการรวมทั้งบัญชีการขายผลิตผลและผลิตภัณฑ์
4.ยินยอมให้ผู้ตรวจเข้าตรวจสอบพื้นที่การเกษตรทั้งหมดที่ถือครอง(ทั้งพื้นที่ของตนเอง เช่า ให้เช่า)รวมทั้งสถานที่ประกอบการทั้งที่ขอการรับรองและที่ไม่ได้ขอ ตลอดจนสถานที่เก็บเครื่องมือ สถานที่เก็บผลผลิต,วัตถุดิบ และที่พัก โดยทาง มกท. ไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
5.ผู้ประกอบการต้องแจ้งให้ มกท. ทราบโดยทันที ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้นในการผลิต เช่นชนิดพืชที่ปลูกและขอรับรอง สถานที่ประกอบการ รวมทั้งการละเมิดมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ เป็นต้น
6.ในกรณีที่ ผู้ประกอบการว่าจ้างให้ผู้อื่นทำการผลิต จัดการ หรือแปรรูปผลิตภัณฑ์ ผู้ประกอบการจะต้องทำสัญญารับช่วงการผลิตกับผู้รับจ้าง โดยมีสาระสำคัญที่ต้องคำนึงดังนี้
*ผู้รับจ้างการผลิตต้องปฏิบัติตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ และเงื่อนไขการรับรองของ มกท.
*ผู้รับจ้างยินยอมให้เจ้าหน้าที่ผู้ตรวจของ มกท. เข้าตรวจสอบสถานที่ประกอบการและเอกสารทั้งหมด ในเรื่องที่เกี่ยวกับการประกอบการของผู้รับจ้าง
*ผู้ประกอบการเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายของ มกท. ในการตรวจสอบผู้รับจ้าง
*ผู้รับจ้างจะปฏิบัติตามนโยบาย หลักเกณฑ์ตลอดจนเงื่อนไข และระเบียบอื่นๆที่ทาง มกท. ได้กำหนดขึ้น
7ผู้ประกอบการจะต้องจัดเก็บเอกสารดังต่อไปนี้ไว้สำหรับการตรวจของ มกท. ไม่น้อยกว่า 5 ปี
*สำเนาเอกสารใบสมัครขอรับรองมาตรฐานกับ มกท.
*สำเนารายงานการตรวจของผู้ตรวจ มกท.
*บันทึกการร้องเรียน
*แบบการแจ้งละเมิดมาตรฐานฯ จาก มกท.
ที่มา http://www.actorganic-cert.or.th

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น